วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

my favourite pants.....and this girl!!!!!!

the very funny thing that made me really SMILE yesterday was that I was wearing one of my favourite pants and went into the community............
was in the library playing with some kids......
May said : P Ploy......(very seriously).....could u NOT wear these pants again!!!???
Me : wha....what??!?
May : Could you PLEASE NOT wear these pants again??!!!????
Me : Ha! why?!
May : They make u look OLD.........
Me :.........................hahaha!!!!!

The funny thing is I always think that these pants are very cool!
and feel good every time I wear them!!!! But not sure anymore!!!!!
Man!!!!!

that's the day.........

บ้านของเรา ที่แคบลงเรื่อยๆ / our 'narrowing room'

บ้านของเรา ที่แคบลงเรื่อยๆ
สองวันที่ผ่านมานี้ผ่านการสัมผัสภาวะความไม่ไม่นอนของฟ้าฝน
ฝนมันตกหนักมาก
เกิดความสงสัยขนาดต้องมานั่งคิดอย่างจริงจังว่า พื้นที่กลางแจ้งที่เราต้องไปทำงานด้วยนั้น มันจะไปได้หรือเปล่า น้ำจะท่วมมั้ย โทรปรึกษาเพื่อนสักสองสามคนบวกกับจิตใจที่โน้มเอียงไปทาง cancel เหอะบวกกับความขี้เกียจที่มันผุดขึ้นมาทำลายความตั้งใจในตอนไหนไม่รู้
เพื่อนก็ให้คำตอบไม่ได้
คิด….กูจะถามคนอื่นทำไมวะ
ยังไงขาเราก็ต้องเดินเองอยู่ดี เดินไปตามทางการตัดสินใจของตัวเองอยู่ดีนี่หว่า

อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาเรากำลังมุ่งหน้าไปที่พื้นที่แห่งนั้น บวกกับความหวั่นๆใจว่า น้ำมันจะท่วมรึเปล่าวะ
แต่จากการการโทรเช็คกับคุณลุงคนหนึ่ง เค้าบอกไม่ท่วมนะ เดี๋ยวเด็กๆก็ออกมา
เราก็ใจชื้น

อีกไม่กี่นาทีเราก็ไปถึงพื้นที่แห่งนั้น สิ่งที่พบเห็นเป็นตามคำบอกเล่า แต่ที่ไม่เหมือนสองอย่างคือ
ความร้อน และ
ไร้คน
เราเข้าไปนั่งเพื่อจัดเตรียมของและหวังว่าเดี๋ยวเด็กๆก็วิ่งมาเหมือนเคย
แต่แปลก
15 นาทีผ่านไปมันเงียบเหลือเกิน
เรานั่งอยู่ในเต็นท์บวกกับความร้อนที่สะท้อนมาจากพื้นคอนกรีตที่ชาวบ้านเททับพื้นดินอันขรุขระเอาไว้
คำถามที่ 1 ผุดขึ้นในใจ : จะเดินไปตามเด็กเพื่อแสดงตัวว่าเรามาแล้ว หรือ เปลี่ยนแผนกลับบ้านไปนอนตีพุงดีนะ ร้อนเหลือเกิน
เรานั่งนิ่งๆมองสิ่งของต่างๆที่เราเตรียมมาไว้บนโต๊ะ
และแล้ว ผลของการตัดสินใจของเรามันก็มักออกมาในทางที่ลำบากกว่าเสมอ เราเดินไปหาคุณลุงเพื่อบอกว่าเรามาแล้ว และเดินไปหาเด็กๆที่บ้าน
น้องเจนกับน้องแจนเป็นเด็กผู้หญิงสองคนที่เดินออกมากับเรา
เด็กผู้หญิง 2 คนความสูงประมาณเอวเราเดินผ่านความร้อนออกมากับเราเพื่อหวังว่าจะมาเล่น
เรานั่งลงกันที่โต๊ะและคุยกับเด็ก 2 คนเรื่องแผนงานในวันนั้น ขณะที่อธิบายเราแอบสังเกตอาการของเด็กๆเป็นระยะและภาวนาบวกกับความคาดหวังว่า เด็กๆจะไม่ถูก ความร้อน ทำลายสมาธิจากการฟังเราอธิบายไปก่อน
ไม่นานการอธิบายจบลงและเปลี่ยนเป็นการถามและแลกเปลี่ยนเพื่อทวนความเข้าใจกับเด็กๆ
เจนกับแจนบอกว่าจะรอเพื่อนๆก่อนจะได้เล่นด้วยกัน
เรารอซักพักความหวังใหม่เราก็มาคือ เอ็ด เด็ก ป.6 วิ่งมาจากท้ายซอย ตรงมาที่พวกเราแล้วถามว่า วันนี้ทำไรกัน
เราอธิบายอีกที เอ็ดทำท่าจะไปเรียกเพื่อนๆซึ่งเป็นความหวังให้กับเจนและแจน
แต่เอ็ดก็ไม่กลับมาอีกเลย พร้อมกับคำอธิบายของเจนและแจนว่า พี่เอ็ดติดเกมส์ ซึ่งก็เราก็แอบคาดการณ์จากคำอธิบายจากเจนและแจนว่า พี่เค้าโดนพ่อเค้าตีขาลายเลยเวลากลับมาจากไปเล่นเกมส์ เราก็เลยแอบสันนิษฐานในใจว่า มันต้องเป็นพวกเกมส์แบบพวกร้านเกมส์แน่นอน

การทำงานของเราเริ่มขึ้นโดยปราศจากสมาชิกคนอื่น มีแค่เจนและแจน
เด็กสองคนเริ่มเส้นทางของตัวเองออกหาพื้นที่ๆมี ขยะ เดินไปบนพื้นคอนกรีต ผ่านความร้อนที่มันบั่นทอนพลังงานค่อนข้างสูง
คำถามที่ 2 ขณะที่ดูเด็กๆ : ความร้อนมันบั่นทอนแค่เรารึปล่าววะ เด็กๆก็ดูโอเคนะ พลางดูเด็กๆเก็บขยะไป
ผ่านไป 10 กว่านาที
เฮ้อ….ร้อนจังพี่พลอย เจนบอก พักก่อนนะ
อีกไม่นานแจนก็ตามไป
ทุกคนเข้าไปพักในเต็นท์และนั่งกินน้ำ
ขณะนั้น เราแอบท้อใจนิดหน่อยว่า…..สิ่งที่เราต้องต่อสู้มาโดยตลอด มันคือใจเราหรือ ความร้อนที่มันแผดเผากันแน่ คำถามถูกตั้งขึ้นในใจ
แต่ในใจมันแอบสรุปพร้อมตั้งคำถามว่า
เกิดอะไรขึ้นกับโลกเราเนี่ย
พื้นที่กว้างๆที่มีอากาศหายใจแบบไม่ต้องจ่ายตังค์เพื่อเข้าไปยืนอยู่ในมัน
มันมีแต่พื้นที่ กลับไม่มีคนมายืนหายใจแฮะ
ร้อนเหลือเกิน
พื้นที่แบบไหนกันนะเนี่ยที่เรายืนอยู่
เกิดอะไรขึ้น
ความร้อนมันมาจากไหนบ้าง
ไม่นานเรากับเด็กๆก็แยกย้ายกันกลับไปในที่ของตัวเอง
เจนกับแจนเดินกลับเข้าบ้าน
เราเดินกลับเข้ารถแล้วเปิดแอร์เย็นฉ่ำตามความเคยชิน คิด ทำไมอยู่ในห้องที่แคบกว่า หนำซ้ำต้องจ่ายตังค์ กลับเป็นพื้นที่ที่เรารอเวลาจะเข้ามาอยู่วะ
แล้วเรารู้สึกอะไรกับพื้นที่แห่งนั้นกันแน่

แล้วก็แอบนึกแบบสรุปๆว่า น่าเสียดายเนอะที่ ความร้อน มันสกัดกั้นพวกเราให้มาอยู่ในพื้นที่ด้วยกัน บ้านมันแคบลงเรื่อยๆ เพราะข้อจำกัดหลายอย่าง
แล้วบ้านเรามันแคบลงเรื่อยๆ เพราะความร้อนรึปล่าวนะ? เกินอะไรขึ้นกับบ้านของเราเนี่ย

วันนี้ฝนตก จริงๆตกตั้งแต่เมื่อคืน ตกหนักมากจนขณะที่เรากำลังนอน ฝนมันสาดใส่หน้าเรา
แล้วก็ลุกขึ้นมาเอื้อมมือไป ปิดประตูบานเลื่อนและหน้าต่าง ตอนนั้น นึกไปถึงว่า มันจะตกหนักจนท่วมเรือกสวนไร่นาชาวสวนชาวไร่มั้ยนะ
เราเหมือนคนบ้า คิดแล้วก็แอบอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ชาวสวนชาวนา แล้วเราก็หลับไป
ฝนตกอีกครั้งวันนี้ตอนบ่ายแก่ๆ
เรานึก เฮ้อ ตกอีกแล้ว ออกไปข้างนอกไม่ได้เลย คิดไปขณะที่นึกไปพร้อมๆกันว่า ทำไมออกไปไม่ได้วะ? ก็ออกไปตากฝนไง
ออกไปวิ่งใส่ฝน อยากไปไหนก็ไป
สับสน จะออกไม่ออก

ไม่นาน ฝนตกหนักกว่าเดิม คราวนี้เรามองออกไปข้างนอกแล้วนึก ทำไมมันมัวได้ขนาดนี้นะ ตกหนักมากเลยนะเนี่ย

แล้วเราก็เอื้อมมือไป ปิดประตูบานเลื่อน อีกครั้ง แบบที่ทำเมื่อคืน เนื่องจากทิศของฝนมันเอียงเข้ามาทำมุมกับห้องเราพอดี สาดเต็มๆ เปียกหนัก
แล้วเราก็ปิดประตูหน้าต่างอย่าง อัตโนมัติ
นึกได้อีกที
ร้อนว่ะ
แล้วเราก็มองออกไปข้างนอกระเบียง
นึก…..ความเย็นมันอยู่ข้างนอก ฝนตกหนักมาก ทำไมนะ สัมผัสมันไม่ได้
ทำไมวะ
ยืนมองความเย็นมันตกใส่เมืองของเราอยู่ซักพัก
คราวนี้จะเอาชนะมันโดยการ ไม่เปิดพัดลม
แต่เปิดประตูบานเลื่อนเพื่อสู้กับฝนแทน เพื่อให้ความเย็นมันเข้ามาให้ตัวเองรู้สึกว่า บ้านเรากว้างขึ้น
สูดอากาศเย็นๆมันมีความสุขจริงๆ เราคิด
แต่ไม่นาน ฝนสาดหนัก
เปียกกกกกกกกก
เดี๋ยวจะสาดคอม
เดี๋ยวน้ำมันจะโดนปลั๊ก
โอย…….ข้อจำกัดทั้งหลาย
ทำไมเปิดหน้าต่างมันยากเหลือเกินนะ
เราปิดมันลง
เราก็เปิดอีก
แล้วก็ปิด
เปิด
ทำแบบนี้อยู่ สามสี่ที
ฮ่าๆ
ฝนหยุด
เหมือนเราเป็นบ้าเลย ทะเลาะกับฝนโดยการปิดเปิดประตู
เราคิด เราเคยคิดว่าห้องนี้มันกว้างใหญ่เพราะมันเป็นห้องใต้หลังคา อยู่ดาดฟ้า วิวที่มองเห็นมันช่างสุดลูกหูลูกตา
แต่มันก็แคบลงเพราะทิศของฝนที่บังเอิญตรงกับห้องใต้หลังคานี้พอดี
เราต้องปิดปรตู
อากาศมันน้อยลงตามภาพที่เรามองเห็น
มันมีประตู้กั้น เรานึก อากาศอันสดใสมันก็น้อยลงด้วย
เราถูกสกัดกั้นจากลมที่สามารถพัดผ่านเราได้โดยประตูบานนี้
เราถูกสกัดกั้นอากาศ ลม สายตา ผู้คน
แล้วเราก็ร้อน
ประสบการณ์เรื่อง ความร้อน ความเย็น ที่เกิดขึ้นมันทำให้คำถามมากมายผุดขึ้นมาเหมือนกัน
ทำให้เราโยงไปถึง มนุษย์
เราตั้งคำถามขึ้นมาอย่างกว้างๆว่า มนุษย์คืออะไร ทำหน้าที่อะไรใน สิ่งแวดล้อม
และเนื่องจากเราบังเอิญไปอ่านหนังสือ aboriginal art และการกล่าวว่า art is a means by which the present is connected with the past and human beings with the supernatural world.
เราเชื่อมโยงการกลายพันธ์ของสิ่งปลูกสร้างต่างๆ พร้อมการตั้งคำถามเรื่องการกลายพันธ์ของมนุษย์ และสงสัยอย่างยิ่งว่า ในขณะที่วัตถุต่างๆถูกสร้างขึ้นมาเพราะเหตุผลต่างๆ โดยการอ้างเรื่อง การทำดีที่สุดเพื่อเป็นการปกป้องอะไรบางอย่าง เช่น การปกป้อง มนุษย์จากสิ่งแวดล้อมอันโหดร้าย ความหนาวเย็น ฝนที่ตกหนัก หรืออะไรต่างๆนานา ขณะนั้น มนุษย์เรามีการกลายพันธุ์อย่างไร ไม่ว่าจะทางจิตใจ หรือทางร่างกาย
เราเคยคิดอยู่เรื่องหนึ่งว่า บางทีตอนนี้อาจะเป็นขึ้นสุดของวิวัฒนาการทางร่างกายของมนุษย์แล้วก็เป็นได้ แต่วิวัฒนาการทางร่างกายของมนุษย์มันก็ยังไม่หยุดเนื่องจากการระบบของการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมันเป็น
มันยังคงยึดธรรมชาติเดิมของมนุษย์อยู่หรือไม่